บทที่4


ภาษาต่างประเทศที่นำมาใช้ในการสื่อสารในชีวิตประจำวัน

ภาษาเป็นเครื่องมือในการติดต่อสื่อสาร ดังนั้นเมื่อแต่ละชาติมีการติดต่อสัมพันธ์กันจึงเป็นเรื่อง ปกติวิสัยที่จะมีการหยิบยืมภาษาของชาติอื่น มาใช้ไม่มีภาษาใดในโลกที่ไม่มีคำใน ภาษาอื่นเข้ามาปะปน   การนำคำหรือลักษณะทางภาษาของอีกภาษา เข้าไปใช้ในภาษาของตน ย่อมเกิดขึ้น   เมื่อคนต่างภาษากันต้องทำการติดต่อ หรือมีความสัมพันธ ์กันเป็นระยะเวลานาน  ก็จะมีการยืมเกิดขึ้น  การยืมคือการที่ภาษาหนึ่งนำเอาคำ หรือลักษณะทางภาษาของอีกภาษาหนึ่ง เข้าไปใช้ในภาษา ของตนเอง ภาษาไทยของเราได้มีการยืม คำมาจากภาษาอื่นมาใช้ปะปนอยู่มากมา ยตั้งแต่โบราณกาล ตั้งแต่สมัยของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ก็ยังปรากฏคำยืมมาจากภาษาบาลี สันสกฤตและเขมรเข้ามา ปะปนอยู่มากมาย

สาเหตุที่ทำให้ภาษาต่างประเทศเข้ามาปะปนในภาษาไทย

    การติดต่อสัมพันธ์กันทำให้ภาษาต่างประเทศเข้ามาปะปนอยู่ในภาษาไทย  ด้วยสาเหตุหลายประการ พอสรุปได้ดังนี้ 
   1.  ความสัมพันธ์กันทางเชื้อชาติและถิ่นที่อยู่อาศัยตามสภาพภูมิศาสตร์
ประเทศไทยมีอาณาเขตติดต่อหรือใกล้เคียงกันกับมิตรประเทศกับประเทศต่าง ๆ หลายประเทศได้แก่ พม่า ลาว มาเลเซีย เขมร มอญ  ญวน จึงทำให้คนไทยที่อยู่อาศัยบริเวณชายแดนมีความเกี่ยวพันกับชนชาติต่าง ๆ โดยปริยาย มีการเดินทางข้ามแดนไปมาหาสู่ซึ่งกันและกัน มีการแต่งงานกันเป็นญาติกัน จึงเป็นสาเหตุสำคัญให้ภาษาของประเทศเหล่านั้นเข้ามาปะปนอยู่ในภาษาไทย
2.  ความสัมพันธ์กันทางด้านประวัติศาสตร์
ชนชาติไทยเป็นชนชาติที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน มีการอพยพโยกย้ายของคนไทยเข้ามาอยู่ในถิ่น  ซึ่งชนชาติอื่นเคยอาศัยอยู่ก่อน  หรือมีการทำศึกสงครามกับชนชาติอื่น  มีการกวาดต้อนชนชาติอื่น เข้ามาเป็นเชลยศึก  หรือชนชาติอื่นอพยพเข้ามาอยู่ ในแผ่นดินไทยด้วยเหตุผล ต่าง ๆ และอาจจะกลายเป็ นคนไทยในที่สุด ผลที่ตามมาก็คือคนเหล่านั้น ได้นำถ้อยคำภาษาเดิม ของตนเองมาใช้ปะปนกับ ภาษาไทย
3.  ความสัมพันธ์กันทางด้านการค้า
จากหลักฐานทางด้านประวัติศาสตร์ ชนชาติไทยมีการติดต่อค้าขาย แลกเปลี่ยนสินค้ากับชนชาติต่าง ๆ มาเป็นเวลาอันยาวนาน เช่น ชาวจีน ชาวโปรตุเกส ฝรั่งเศส อังกฤษ ฮอลันดา ตลอดถึงญี่ปุ่น ยิ่งปัจจุบันการค้าขายระหว่างประเทศมีความสำคัญมากขึ้น มีการใช้ภาษา-ต่างประเทศในวงการธุรกิจการค้ามากขึ้น คำภาษาต่างประเทศมีโอกาสเข้ามาปะปนอยู่ในภาษาไทยได้ตลอดเวลาไม่มีวันสิ้นสุด
4.  ความสัมพันธ์ทางด้านศาสนา
คนไทยมีเสรีภาพในการยอมรับนับถือศาสนามาเป็นเวลาช้านาน เมื่อยอมรับนับถือศาสนาใดก็ย่อมได้รับถ้อยคำภาษาที่ใช้ในคำสอน หรือคำเรียกชื่อต่าง ๆ ในทางศาสนาของศาสนานั้น ๆ มาปะปนอยู่ในภาษาไทยด้วย เช่น ศาสนาพราหมณ์ใช้ภาษาสันสกฤต ศาสนาพุทธใช้ภาษาบาลี ศาสนาอิสลามใช้ภาษาอาหรับ และศาสนาคริสต์ใช้ภาษาอังกฤษ ดังนั้นภาษาต่าง ๆ ที่ใช้ ในทางศาสนาก็จะเข้ามาปะปนในภาษาไทยด้วย
5.  ความสัมพันธ์ทางด้านวัฒนธรรมและประเพณี
เมื่อชนชาติต่าง ๆ เข้ามาสัมพันธ์ติดต่อกับชนชาติไทย หรือเข้ามาตั้งหลักแหล่งอยู่ในประเทศไทย ย่อมนำเอาวัฒนธรรมและประเพณีที่เคยยึดถือปฏิบัติอยู่ในสังคมเดิมของตนมาประพฤติปฏิบัติในสังคมไทย นาน ๆ เข้าถ้อยคำภาษาที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมและประเพณีเหล่านั้น ก็กลายมาเป็นถ้อยคำภาษาที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของคนไทยมากขึ้น จนถึงปัจจุบันการหยิบยืมคำจากภาษาอื่นมาใช้ในการสื่อสารยังไม่มีวันสิ้นสุด ตราบใดที่เรายังติดต่อ สัมพันธ์ กับชาวต่างชาติ การหยิบยืมภาษาต่างประเทศมาใช้ในการสื่อสารจะต้องคงมีตลอดไป ภาษาไทยหยิบยืมภาษาบาลี ภาษาสันสกฤต ภาษาเขมร เข้ามาใช้ในการติดต่อสื่อสาร ทั้งในส่วนของรูปคำและวิธีการสร้างคำใหม่จำนวนมากมาย เป็นเวลายาวนานจนคนไทยส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีความรู้สึกว่าเป็นคำที่ยืมมาจากภาษาต่างประเทศ  ภาษาอังกฤษเป็นภาษาสากลในการติดต่อสื่อสารจึงเป็นภาษา ต่างประเทศที่เข้ามามี อิทธิพลต่อคนไทยมากที่สุด  

สาเหตุที่ทำให้ภาษาต่างประเทศเข้ามาปะปนในภาษาไทย 2

      การติดต่อสัมพันธ์กันทำให้ภาษาต่างประเทศเข้ามาปะปนอยู่ในภาษาไทย  ด้วยสาเหตุหลายประการ พอสรุปได้ดังนี้ 
6.  ความก้าวหน้าทางวิทยาการและเทคโนโลยี
 ความก้าวหน้าทางวิทยาการและเทคโนโลยีของประเทศที่เจริญแล้ว ทำให้เกิดเครื่องมือเครื่องใช้สำหรับอำนวยความสะดวกแก่บุคคลในสังคมต่าง ๆ คนไทยก็ได้รับอิทธิพลจากความก้าวหน้าทางวิทยาการและเทคโนโลยีของประเทศเหล่านี้มาเช่นเดียวกัน มีการสั่งซื้อเครื่องมือเครื่องใช้ใหม่ ๆ เข้ามาในประเทศไทยจำนวนมากมาย ชื่อของเครื่องมือเครื่องใช้และถ้อยคำ
ที่เกี่ยวข้องกับเครื่องมือเครื่องใช้เหล่านั้นได้เข้ามาปะปนอยู่ในภาษาไทยมากขึ้น เช่น คอมพิวเตอร์ ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ เอนเตอร์ แผ่นดิสก์ ไอคอน เมาส์ เป็นต้น
  7.  การศึกษาวิชาการต่าง ๆ
     การศึกษาของไทยมีความเจริญก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น แต่ความรู้ในสาขาวิชาการต่าง ๆ ส่วนใหญ่รับมาจากต่างประเทศ โดยเฉพาะการศึกษาในระดับอุดมศึกษา ทั้งวิทยาลัย มหาวิทยาลัย และสถาบันต่าง ๆ มีการใช้ตำราภาษาต่างประเทศ ประกอบการเรียนและศึกษาค้นคว้า นอกจากนี้ คนไทยยังนิยมเดินทางไปศึกษาวิชาการต่าง ๆ ในต่างประเทศ เมื่อกลับมาประเทศก็ได้รับเอาคำบางคำ ของภาษาต่างประเทศเหล่านั้นมาใช้ปะปนกับภาษาไทยด้วย
  8.  การศึกษาภาษาต่างประเทศโดยตรง
ในประเทศมีการเรียนการสอนภาษาต่างประเทศ เพื่อประโยชน์ในการศึกษาวิชาภาษาไทยในระดับสูง เพราะเรารับรูปคำและวิธีการสร้างคำจากภาษาเหล่านั้นมามากได้แก่ การศึกษาภาษาบาลี ภาษาสันสกฤต และภาษาเขมร และการศึกษาเพื่อประโยชน์ในการสื่อสารโดยตรง เช่น การศึกษาภาษาอังกฤษ ภาษาฝรั่งเศส ภาษาเยอรมัน ภาษาจีน ภาษาญี่ปุ่น เป็นต้น
  9.  ความสัมพันธ์ส่วนตัวกับคนต่างชาติ
     มีคนไทยจำนวนมากมายที่คบหาสมาคมกับคนต่างชาติและมีคนไทยจำนวนไม่น้อย ที่สมรสกับคนต่างชาติ ทำให้มีการถ่ายทอดแลกเปลี่ยนกันในทางภาษา ใช้ทั้งภาษาไทย   และภาษาต่างประเทศ ในครอบครัวของตนเอง จึงทำให้ภาษาต่างประเทศเข้ามา ปะปนอยู่ในภาษาไทยเพิ่มมากขึ้น

  10. ความสัมพันธ์ทางการทูต
การเจริญสัมพันธ์ไมตรีกับประเทศต่าง ๆ ทำให้มีการใช้ภาษาต่าง ๆ สื่อสารสัมพันธ์กัน ทำให้เกิดการแพร่กระจายของภาษาต่าง ๆ เข้ามาในประเทศไทย

ทองสุก เกตุโรจน์ (2551, หน้า 8-28)  กล่าวสรุป เรื่อง การนำคำภาษาอื่นมาใช้ในภาษา ของเราไว้ดังนี้ 
    1. เรานำคำภาษาอื่นมาใช้ในภาษาของเราด้วยเหตุสำคัญ  4   ประการ คือ
        1.1 เราไม่มีคำ ๆ นั้นใช้ในภาษาของเรา
        1.2 เพื่อใช้แทนคำของเราที่มีอยู่แล้ว แต่เราเห็นว่าไม่ไพเราะหรือน่ากลัว
        1.3 เพื่อใช้เป็นราชาศัพท์
        1.4 เพื่อใช้ในวรรณคดี

    2. คำภาษาอื่นเข้ามาในภาษาของเราได้  4  ทาง คือ  ทางการเมือง  ทางวัฒนธรรม  ทางการค้า  ทางภูมิศาสตร์  คำภาษาหนึ่งอาจจะเข้ามาสู่ภาษาของเราได้หลายทาง

    3. เรานำคำอื่นมาใช้  8  ลักษณะ  คือ  ด้วยการทับศัพท์  ด้วยการทับศัพท์แต่เสียงเปลี่ยนไป  ด้วยการใช้คำไทยแปลคำต่างประเทศ  ด้วยการใช้คำบาลีสันสกฤตแปลคำต่างประเทศ  ด้วยการใช้คำบาลีสันสกฤตซ้อนหรือประสมกับคำไทยหรือคำต่างประเทศในความหมายนั้น ๆ  ด้วยการใช้คำที่มีความหมายเป็นที่เข้าใจกันแล้วซ้อนกับคำที่ยังไม่คุ้นเคย  เพื่อให้ช่วยแปลความหมายของคำนั้น ๆ ด้วยการสร้างคำใหม่ เพื่อแปลคำต่างประเทศ  และด้วยการเปลี่ยนเสียงและเปลี่ยนความหมาย

    4. ระบบเสียงมีความสำคัญมากในการรับคำภาษาอื่นมาใช้ในภาษาของเรา  ถ้าระบบเสียงเหมือนกัน  เราก็รับคำนั้น ๆ มาใช้ทับศัพท์ได้โดยง่าย  แต่ภาษาแต่ละภาษามักมีระบบเสียงแตกต่างกัน ไปมากบ้างน้อยบ้าง  ในการรับคำภาษาอื่นมาใช้จึงต้องพยายาม หาเสียงที่ใกล้เคียงกันมาแทนที่ ในเสียงภาษาอื่นที่ตนไม่มี  มิฉะนั้นก็ต้องรับคำเหล่านั้นมาใช้ในลักษณะอื่น เช่น แปลศัพท์  เป็นต้น

คำภาษาจีนในภาษาไทย
                                คำภาษาจีนที่รวบรวมมานี้มีปรากฏในพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่คัดเลือกมาเฉพาะคำที่อ้างอิงถึงภาษาจีน โดยอาจแบ่งได้เป็น ๒ กลุ่ม คือ
                                ๑. กลุ่มที่มี (จ.) กำกับ บอกที่มาของคำ เช่น กวยจี๊ ยี่ห้อ
                                ๒. กลุ่มที่มีข้อความอ้างอิงว่ามาจากจีน เช่น ขงจื๊อ ฮกเกี้ยน
ตัวอย่างคำที่มาจากภาษาจีน
ก๊ก  น. พวก, หมู่, เหล่า, โดยปรกติมักใช้เข้าคู่กันว่า เป็นก๊กเป็นพวก เป็นก๊กเป็นหมู่ เป็นก๊กเป็น เหล่า. (จ. ว่า ประเทศ).
กงเต๊ก  น. การทำบุญให้แก่ผู้ตายตามพิธีของนักบวชนิกายจีนและญวน มีการสวดและเผากระดาษที่ทำเป็นรูปต่าง ๆ มีบ้านเรือน คนใช้ เป็นต้น. (จ.).
กงสี  น. ของกองกลางที่ใช้รวมกันสำหรับคนหมู่หนึ่ง ๆ, หุ้นส่วน, บริษัท. (จ. กงซี ว่า บริษัททำการค้า, กิจการที่จัดเป็นสาธารณะ).
กวยจั๊บ  น. ชื่อของกินชนิดหนึ่ง ทำด้วยแป้งที่ใช้ทำเส้นก๋วยเตี๋ยว แต่หั่นเป็นชิ้นใหญ่ ๆ ต้มสุกแล้วปรุงด้วยเครื่องมีหมูเป็นต้น. (จ.).
ก๋วยเตี๋ยว  น. ชื่อของกินชนิดหนึ่ง ทำด้วยแป้งข้าวเจ้าเป็นเส้น ๆ ถ้าลวกสุกแล้วปรุงด้วยเครื่องมีหมูเป็นต้น.
กุยช่าย  น. ชื่อไม้ล้มลุกชนิด Allium tuberosum  Roxb. ในวงศ์ Alliaceae คล้ายต้นหอมหรือกระเทียม ใบแบน กลิ่นฉุน กินได้ นำเข้ามาปลูกเพื่อเป็นอาหาร, พายัพเรียก หอมแป้น. (จ.).
เก๊  ว. ปลอมหรือเลียนแบบเพื่อให้หลงผิดว่าเป็นของแท้, ไม่ใช่ของแท้, ไม่ใช่ของจริง, โดยปริยายหมาย ความว่าไม่มีราคา, ใช้การไม่ได้. (จ.).
เก๊ก  (ปาก) ก. วางท่า; ขับไล่. (จ.).
เป็นต้น
ภาษาเขมรในภาษาไทย
ภาษาเขมรเข้ามาสู่ประเทศไทยโดยทางการค้า ทางสงครามการเมืองและวัฒนธรรม  คำที่มาจาก
ภาษาเขมรส่วนใหญ่ที่พบมักใช้ในวรรณกรรม  วรรณคดี  คำราชาศัพท์  และใช้ในชีวิตประจำวัน มีหลักในการสังเกตดังนี้   
     ๑) คำภาษาเขมรมักไม่มีวรรณยุกต์
     ๒) คำภาษาเขมรมักไม่ประวิสรรชนีย์  
     ๓) มักใช้  ร  ล  ญ  เป็นตัวสะกดในมาตรา  แม่ กน
     ๔) มักใช้  จ  ส  เป็นตัวสะกดในมาตรา  แม่ กด
     ๕) มักเป็นคำควบกล้ำและอักษรนำ
     ๖) คำราชาศัพท์บางคำมาจากภาษาเขมร
     ๗) คำที่ขึ้นต้นด้วย  บัง    บัน    บำ     บรร   มักมาจากภาษาเขมร  
     ๘) คำที่ขึ้นต้นด้วย   กำ   คำ   จำ    ชำ    ดำ   ตำ     ทำ  มักมาจากภาษาเขมร
      ๙) คำภาษาเขมรส่วนใหญ่มักแผลงคำได้
การสังเกตคำภาษาเขมรมีวิธีการดังนี้
-  คำไทยที่มาจากภาษาเขมรมักใช้พยัญชนะ  จ ญ  ร ล สะกด 
เช่น  เผด็จ  สมเด็จ  เดิร ( เดิน ) ถวิล  ชาญ
-   คำไทยที่มาจากภาษาเขมรมักเป็นคำควบกล้ำและเป็นคำมากพยางค์
เช่น  ขลาด  โขมด  โขนง  เสวย  ไถง  กระบือ
-  คำไทยที่มาจากภาษาเขมรมักใช้ บัง  บัน  บำ  แทน  บ เช่น 
            บัง     บังคับ  บังคม  บังเหียน  บังเกิด  บังคล  บังอาจ
            บัน    บันได  บันโดย  บันเดิน  บันดาล  บันลือ
            บำ     บำเพ็ญ  บำบัด  บำเหน็จ  บำบวง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น